NotRadio.in.th

 ลืมรหัสผ่าน
 สมัครสมาชิก
มีทั้งหมด 439คำทักทาย

พูดคุยทักทาย

เข้าชม: 1173|ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ของกินที่เอาเอาชนะโรคมะเร็งได้ [คัดลอกลิงค์นี้เพื่อนำไปแบ่งปัน]

Rank: 2

อัพเกรด  8.67%

UID
1249
เพศ
ไม่บอก
วันที่ลงทะเบียน
2015-3-24
เข้าระบบล่าสุด
2015-4-3
เวลาออนไลน์
0 ชั่วโมง
ชื่อเสียง
20
สตางค์
8
ความดี
14
เครดิต
63
ระดับการเข้าชม
20
ไปยังโพสต์ที่ระบุ
คัดลอกลิงค์
การรักษาโรคมะเร็งจำเป็นต้องใช้หลายๆ ทางประกอบกัน และหนึ่งในวิธีที่ทำได้ง่ายที่สุดคือ การใช้อาหารเป็นตัวช่วยการเอาชนะโรคมะเร็งนั่นเอง จากงานเขียนของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง นายแพทย์ฮวังซองจู ในหนังหนังสือ ทำแบบนี้ “มะเร็ง” ไม่กลับมาอีกแน่! ได้ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับอาหาร 2 อย่างที่โดดเด่นมากในด้านของสรรพคุณในการบำบัดโรคมะเร็ง
1. ต้นอ่อนพืช : ผักมีสรรพคุณมากมาย อย่างไรก็ตามก็ยังมีผักที่มีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพมากพอๆ กับผักที่เจริญวัยเต็มที่ หรืออาจเรียกได้ว่ายิ่งกว่า นั้่นคือ “ต้นงอก” หรือต้นอ่อนของพืชนั่นเอง ในอดีต คนเกาหลีใช้เพียงถั่วงอกและต้นอ่อนหัวใช้เท้ามาทำอาหารเท่านั้น แต่ปัจจุบัน มีการเพาะต้นอ่อนของพืชชนิดต่างๆ ในฟาร์ม ต้นอ่อนจึงหาง่ายขึ้นและมีหลากหลายมากขึ้นด้วย(นายแพทย์ฮวังซองจู เป็นคนเกาหลี)
เราเรียกยอดของพืชที่แตกออกมาหลังจากเพาะเมล็ดได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ว่า “ต้นอ่อน” ภายในเมล็ดพืชอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิด เพื่อให้พืชใช้ในการเจริญเติบโตและต่อสู้กับสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่แตกยอดออกมา กระทั่งมีลำต้นและรากที่แข็งแรง ต้นอ่อนซึ่งต้องพึ่งพิงพลังงานจากเมล็ดนี้จึงมีสารอาหารมากกว่าพืชที่โตเต็มที่แล้วประมาณ 3-4 เท่า และในบางชนิดอาจมีมากกว่าถึงหลาย 10 เท่า ฉะนั้น การบริโภคต้นอ่อนของพืชเพียงเล็กน้อยก็ช่วยให้ได้รับวิตามิน แร่ธาตุและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพมากพอๆ กับพืชที่เจริญเติบโตเต็มที่ เหมาะอย่างสูงในการใช้เป็นอาหารเพื่อบำบัดโรคมะเร็ง เพราะผู้ป่วยโดยมากทานอาหารได้น้อย
งานวิจัยมากมายพิสูจน์ให้เห็นว่า สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพแต่ละอย่างในต้นอ่อนของพืชช่วยรักษาและควบคุมการเกิดโรคมะเร็งได้จึงถูกนำมาใช้ในวิธีโภชนบำบัด ยกตัวอย่างเช่น บรอกโคลี่ ซึ่งอุดมด้วยวารซัลโฟราเฟน (sulforaphane) ที่เป็นสารประกอบซัลเฟอร์ มีฤทธิ์ในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันและยับยั้งโรคมะเร็ง ก็มีรายงานว่า ในต้นกล้าของบรอกโคลี่มีปริมาณสารซัลโฟราเฟนมากกว่าในบรอกโคลี่ที่โตเต็มที่ประมาณ 40 เท่าขึ้นไป
2. เห็ด : เป็นที่รู้กันว่าเห็ดมีสรรพคุณในการรักษามากมาย ตัวอย่างเช่น เสริมความแข็งแรง เสริมภูมิคุ้มกันโรค ต้านการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ถอนพิษและขับปัสสาวะ รวมถึงต้านโรคมะเร็ง เป็นต้น เพราะเหตุนี้จึงนำมาใช้เป็นยาในทางการแพทย์แผนจีนและการแพทย์พื้นบ้านมาตั้งแต่อดีต
นอกจากมีโปรตีนสูงแล้ว เห็ดยังอุดมไปด้วยจุลธาตุ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินและแร่ธาตุสง เป็นต้น เห็ดบางชนิดยังประกอบด้วยสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพต่างๆ เช่น สารประกอบฟีนอล (phenolic compound) และโปรตีโอไกลแคน (proteoglycan) ซึ่งช่วยป้องกันและรักษาโรคมะเร็งได้
สารกลูตาไทโอน (glutathione) ซึ่งเป็นหนึ่งในสารประกอบโปรตีนในเห็ดและมีปริมาณค่อนข้างมาก เป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่นสูง จึงช่วยกำจัดอนุมูลอิสระได้ดี และนำไปใช้ในการบำบัดโรคต่างๆ มากมาย
ผนังเซลล์ของเห็ดแตกต่างจากพืชนิดอื่นๆ เพราะประกอบด้วยสารไคทิน (chitin) ซึ่งมีสรรพคุณหลากหลาย เช่น ต้านเนื้องอกและกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกัน อันเป็นปัจจัยขั้นต้นในการป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
งานค้นคว้าจำนวนมากพบว่า เบต้ากลูแคน (beta-glucan) ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (polysacharide) และพบมากในเห็ด มีฤทธิ์ต้านเนื้องอกและควบคุมการทำงานของภูมิคุ้มกันได้ดี จึงคาดว่าน่าจะนำไปใช้รักษาโรคมะเร็งได้ นอกจากนี้ยังมีผลวิจัยเกี่ยวกับเบต้ากลูแคนในดานการฟื้นฟูกระบวนการเมแทบอลิซึ่มของลิพิด รักษาโรคเบาหวาน และบรรเทาความเป็นพิษต่อตับด้วย จึงคาดกันว่าจะนำไปใช้รักษาโรคอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ในเห็ดยังประกอบด้วยสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพอีกมากมาย เช่น สารเทนนิน และสารเรซอร์ซินอล (resorcinol) ซึ่งเป็นสารประกอบฟีนอล ตลอดจนสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ อย่างเช่น สารเควอร์ซิติน (quercetin) ซึ่งมีสารต้านโรคมะเร็ง จึงมีงานวิจัยจำนวนมากพยายามนำเห็ดมาพัฒนาเป็นยา
ที่มา:นายแพทย์ฮวังซองจู จากหนังสือ ทำแบบนี้ “มะเร็ง” ไม่กลับมาอีกแน่!
การรักษาโรคมะเร็งจำเป็นต้องใช้หลายๆ กรรมวิธีประกอบ
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

ข่าวใหม่
Like คนอกหัก ที่รักเธอ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|NotRadio.in.th

GMT+7, 2024-12-21 12:03 , Processed in 0.039574 second(s), 21 queries .

TOP